เมนู

มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
เป็นมรรค ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า รูปของบุคคลผู้มีความพร้อม
เพรียงด้วยมรรค เป็นมรรค.
รูปังมัคโคติกถา จบ

อรรถกถารูปังมัคโคติกถา



ว่าด้วย รูปเป็นมรรค



บัดนี้ ชื่อว่า เรื่อง รูปเป็นมรรค. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใด มีลัทธิ
ดุจลัทธิของนิกายมหิสาสกะ นิกายสมิติยะ และนิกายมหาสังฆิกะทั้งหลาย
ว่า สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะเป็นรูป ดังนี้ คำถามของ
สกวาที รูปของบุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมรรค โดยหมายถึง
ชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าว
คำว่า รูปนั้นเป็นธรรมมีอารมณ์ เป็นต้น เพื่อจะท้วงปรวาทีนั้นด้วย
คำว่า ถ้าว่า สัมมาวาจา เป็นต้น เป็นรูป ไม่เป็นวิรตีตามลัทธิของท่าน
ไซร้ มรรคมีสัมมาทิฏฐิเป็นต้น เป็นสภาพที่มีอารมณ์เป็นต้น ฉันใด รูป
แม้นั้นก็พึงเป็นฉันนั้น ดังนี้. ในปัญหานั้น พึงทราบคำปฏิเสธ และคำ
ตอบรับรองโดยสมควรด้วยสามารถแห่งลัทธิของปรวาที. คำที่เหลือใน
ที่นี้ มีอรรถตื้นทั้งนั้น แล.
อรรถกถารูปังมัคโคติกถา จบ

ปัญจวิญญาณสมังคิมัคคภาวนากถา



[1387] สกวาที บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยวิญญาณ 5
ยังมรรคให้เกิดได้ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณ 5 มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นวัตถุ คือที่อาศัย
มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นอารมณ์ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า วิญญาณ 5 มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นวัตถุ
มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นอารมณ์ ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลผู้มีความพร้อม
เพรียงด้วยวิญญาณ 5 ยังมรรคให้เกิดได้.
[1388] ส. วิญญาณ 5 มีธรรมที่เกิดก่อนเป็นวัตถุ มีธรรมที่
่เกิดขึ้นก่อนเป็นอารมณ์ มีธรรมภายในเป็นวัตถุ มีธรรมภายนอกเป็น
อารมณ์ มีธรรมที่ยังไม่ทำลายเป็นวัตถุ มีธรรมที่ยังไม่ทำลายเป็นอารมณ์
มีวัตถุต่าง ๆ มีอารมณ์ต่าง ๆ ไม่เสวยโคจรวิสัยแก่กันและกัน เกิดขึ้น
โดยไม่มีการสนใจไม่ได้ เกิดขึ้นโดยไม่มีการทำไว้ในใจไม่ได้ เกิดขึ้น
โดยไม่เจือด้วยสัมปฏิจฉันนจิตเป็นต้นไม่ได้ เกิดขึ้นไม่ก่อนไม่หลังกัน
ไม่ได้ เกิดขึ้นในลำดับอันชิดแห่งกันและกันก็ไม่ได้ มิใช่หรือ ? ฯลฯ
วิญญาณ ไม่มีความผูกใจ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า วิญญาณ 5 ไม่มีความผูกใจ ก็ต้องไม่กล่าว
ว่าบุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยวิญญาณ 5 ยังมรรคให้เกิดขึ้นได้.
[1389] ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยวิญญาณ 5 ยังมรรค